อ่านข่าวต้นฉบับ: นิวลุก สาทรสแควร์ FPT ยกระดับออฟฟิศเกรด A ใจกลางเมือง
]]>ในฐานะผู้นำตลาดอาคารสำนักงานเกรด A และพื้นที่พาณิชยกรรม 2.4 แสนตารางเมตร ล่าสุดเพิ่งประสบความสำเร็จในการลงทุนปรับโฉมอาคารสำนักงานให้เช่า หรือออฟฟิศบิลดิ้ง 2 แห่งแบรนด์ดังย่านใจกลางเมือง “สาทรสแควร์-ปาร์คเวนเชอร์”
มาดใหม่ต้องบอกว่าไฉไลกว่าเดิม เพราะมาพร้อมกับติดอาวุธการแข่งขันยกระดับนวัตกรรมการให้บริการ เตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่สำหรับทุกสนามรบ เนื่องจากเป็นที่รับรู้โดยทั่วไปว่าศึกธุรกิจออฟฟิศบิลดิ้ง มีซัพพลายใหม่รอแจ้งเกิดอีกถึง 1.6 ล้านตารางเมตรภายใน 3 ปีหน้า หัวใจสำคัญของการแข่งขันจึงเป็นเรื่องการส่งมอบประสบการณ์และบริการที่ดีให้แก่ผู้เช่าและผู้ใช้อาคาร
AEI-ยกระดับคุณภาพอาคาร
โดย “วิทวัส คุตตะเทพ” ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายโครงการเชิงพาณิชยกรรม กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรม บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ FPT ระบุว่า ทิศทางตลาดออฟฟิศบิลดิ้งมีแนวโน้มการแข่งขันสูงขึ้นต่อเนื่อง จากเหตุผลมีซัพพลายเกิดใหม่ทั้งที่ก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา และอยู่ระหว่างก่อสร้างอีกมากถึง 1.6 ล้านตารางเมตร มีกำหนดแล้วเสร็จใน 3 ปีข้างหน้า
ขณะที่ความต้องการเช่าพื้นที่ออฟฟิศในแต่ละปีขยายตัวไม่มากนัก รวมถึงลูกค้าในปัจจุบันไม่ได้ให้ความสำคัญเฉพาะเรื่องทำเลที่ตั้งที่สะดวกสบายเท่านั้น แต่ยังมองหาอาคารที่ตอบโจทย์คุณภาพชีวิตพนักงานและผู้ใช้อาคารอีกด้วย
FPT จึงเร่งดำเนินการโครงการยกระดับคุณภาพอาคาร (Asset Enhancement Initiative : AEI) ของสาทรสแควร์ และปาร์คเวนเชอร์ ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของ “GVREIT-ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โกลเด้นเวนเจอร์” ตั้งแต่ต้นปี 2567 ที่ผ่านมา
ปัจจุบันโครงการสาทรสแควร์ดำเนินการแล้วเสร็จพร้อมเปิดเผยโฉมใหม่แล้ว ส่วนปาร์คเวนเชอร์ตามมาติด ๆ มีกำหนดแล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2567 นี้
อัตราเช่าเหนือตลาดอยู่ที่ 90%
ทั้งนี้ ข้อมูล ณ ไตรมาส 1/67 FPT มีพอร์ตทรัพย์สินหลัก ประกอบด้วยพื้นที่สำนักงานเกรด A และพื้นที่พาณิชยกรรมรวม 2.5 แสนตารางเมตร ผ่านโครงการมิกซ์ยูสที่มีทั้งรีเทล โรงแรม และออฟฟิศบิลดิ้ง 5 โครงการหลัก
ในจำนวนนี้ พอร์ตโรงแรมมีจำนวนห้องพัก 920 คีย์ และห้องประชุมที่สามารถรองรับได้ 3,000 ที่นั่ง
น่าสนใจว่าตลาดออฟฟิศในย่านศูนย์กลางธุรกิจหรือ CBD-Central Business District ของกรุงเทพฯ ในภาพรวมมีซัพพลายพื้นที่ 9.61 ล้านตารางเมตร ในจำนวนนี้เป็นซัพพลายเกิดใหม่จำนวน 96,302 ตารางเมตร มีอัตราการเช่าหรือ Occupancy Rate เฉลี่ยที่ 82.2%
โดยมีการเปลี่ยนแปลงที่ต้องถือว่าทรงตัวเพราะเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก ลดลงเล็กน้อยที่ 1.3% เทียบกับไตรมาส 4/66 และลดลง -2.3% เทียบกับไตรมาส 1/66 สามารถแบ่งได้ 3 เซ็กเมนต์ คือ ทำเลเกรด A+ ค่าเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 1,125 บาท/ตารางเมตร/เดือน, ทำเลเกรด A อยู่ที่ 915 บาท/ตารางเมตร/เดือน และทำเลเกรด B อยู่ที่ 721 บาท/ตารางเมตร/เดือน
สถิติโลกต้องจำกลุ่ม FPT สามารถทำยอดอัตราเช่าเฉลี่ยสูงกว่าตลาดรวมอยู่ที่ 90%
From Good to Great
โฟกัสออฟฟิศบิลดิ้งเกรด A อย่าง “สาทรสแควร์” FPT ให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้า และผู้ใช้บริการทุกกลุ่ม และสนับสนุนการดำเนินงานตามแนวทางด้านความยั่งยืน ตกผลึกออกมาเป็นแนวคิด From Good to Great ในการยกระดับนวัตกรรมการให้บริการและคุณภาพอาคาร
ผ่านกลยุทธ์ 5 มิติ สำหรับ “AEI-Asset Enhancement Initiative” ในการรักษามาตรฐานอาคารเกรด A เพื่อสามารถแข่งขันท่ามกลางอาคารสำนักงานเกิดใหม่เพิ่มขึ้น ดังนี้
1.“Smart Technology – ยกระดับความปลอดภัยและสิ่งอำนวยความสะดวก” ด้วยเทคโนโลยีอาคารอัจฉริยะ ระบบควบคุมการเข้า-ออกอาคารและการจัดการผู้มาติดต่อ สามารถแสดงตนด้วยการสแกนใบหน้า (Face Recognition) หรือสแกน QR Code ผ่านแอปมือถือ
เพิ่มระบบจัดการการเข้า-ออกรถยนต์ภายในอาคารจอดรถ ที่สามารถตรวจและอ่านป้ายทะเบียนแบบอัตโนมัติ (License Plate Recognition) ชำระค่าจอดรถผ่านระบบออนไลน์ (e-Payment) พร้อมติดตั้งจุดให้บริการ EV Charger สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
นอกจากนี้ อาคารยังรองรับบริการพื้นฐานด้านการเชื่อมต่อดิจิทัล โดยได้รับการรับรองมาตรฐานระดับ Platinum ด้านการเชื่อมต่อดิจิทัล (Digital Connectivity) ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับสูงสุดจาก WiredScore
ล่ารางวัล-การันตีความยั่งยืน
2.“Sustainability Excellence – ยกระดับการจัดการอาคารส่งเสริมความเป็นเลิศด้านความยั่งยืน” เน้นการประหยัดพลังงาน ลดการใช้ทรัพยากร
โดยนำระบบบริหารจัดการอาคาร “BMS-Building Management System” มาเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมงานวิศวกรรมอาคารและการจัดการพลังงานภายในอาคาร มี Motion Sensor จับความเคลื่อนไหวสำหรับเปิด-ปิดไฟอัตโนมัติในพื้นที่ใช้งานน้อย
และปรับกระบวนการบริหารอาคารโดยจัดการทรัพยากรตามแนวทางอนุรักษ์พลังงาน สานต่อเจตนารมณ์ด้านความยั่งยืนของกลุ่มเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ทั่วโลก ซึ่งตอกย้ำจุดเด่นของสาทรสแควร์ตามที่ได้รับการรับรองด้านการประหยัดพลังงานและการอนุรักษ์พลังงานมาตั้งแต่เปิดใช้อาคาร
ทั้งมาตรฐานอาคารเขียวระดับโลก LEED ระดับ Gold 2013 (2556) รางวัล Thailand Energy Awards 2014 (2557) และ ASEAN Energy Awards 2014 รวมถึงรางวัล MEA Energy Awards 2019 (2562)
ออฟฟิศน่าอยู่-สถาปัตย์โดดเด่น
3.“Superb Well-being – ส่งเสริมสุขภาพและสุขภาวะที่ดีของผู้ใช้อาคาร” โดยมีระบบเครื่องปรับอากาศพร้อมกรองอากาศที่สามารถกรองฝุ่น PM 2.5 และติดตั้งระบบตรวจวัดคุณภาพอากาศภายในอาคาร “IAQ-Indoor Air Quality” แสดงสภาพอากาศภายในอาคารเทียบกับอากาศภายนอกอาคาร เพื่อเสริมความมั่นใจ
รวมถึงใส่ใจในคุณภาพการใช้ชีวิตด้านต่าง ๆ ของพนักงานออฟฟิศ โดยสาทรสแควร์มีพื้นที่สีเขียวทั้งต้นไม้และน้ำรอบอาคารเพื่อสร้างความผ่อนคลาย และพื้นที่รีเทลตอบโจทย์ทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นฟิตเนส คาเฟ่ ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหารเพื่อสุขภาพ ร้านอาหารนานาชาติ คลินิกสุขภาพความงาม ที่พบปะสังสรรค์หรือแฮงเอาต์ สำหรับสานสัมพันธ์นอกเวลางาน เติมเต็มการใช้ชีวิตให้ครบครันมากขึ้น
4.“Support Tenant Centricity – สร้างความประทับใจให้ผู้เช่าและผู้ใช้อาคาร” ด้วยการมุ่งเน้นส่งมอบประสบการณ์ที่ดีเป็นสำคัญ ผ่านการสื่อสาร รับฟังความต้องการ และความพึงพอใจ เพื่อนำมาพัฒนาและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งจุดเด่นด้านการบริหารอาคารของ FPT ที่ดำเนินการมาตลอด คือ การจัดกิจกรรมเชื่อมสัมพันธ์ในเทศกาลและโอกาสพิเศษต่าง ๆ โดยชักชวนผู้เช่าและผู้ใช้อาคารมีส่วนร่วมในการสร้างสังคมน่าอยู่ในสาทรสแควร์สำหรับทุกคน
และ 5.“Spectacular Design – สวยงามและโดดเด่นด้านสถาปัตยกรรม” ดีไซน์แบบคิดละเอียดทั้งภายนอกและภายในอาคาร สะท้อนแนวคิดการออกแบบอาคารอย่างมีเอกลักษณ์
ตอกย้ำโมเดลธุรกิจ “REaaS”
ไฮไลต์สร้างความประทับใจด้านสถาปัตยกรรมภายใน อยู่ที่การปรับโฉมล็อบบี้ออฟฟิศ ผู้ออกแบบได้นำคำว่า “สแควร์” หรือ “รูปทรงสี่เหลี่ยม” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชื่ออาคารมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ ผสมผสานผนังใหม่สีเงินเมทัลลิกที่สะท้อนความทันสมัยและมีพลัง เพิ่มเติมด้วยการติดตั้งจอ LED ขนาดใหญ่
สร้าง “สีสันมิติใหม่-Neovibrant” ที่เป็นตัวตนจุดเด่นสำคัญของอาคาร เพื่อบรรยากาศที่เคลื่อนไหวตลอดเวลา สร้างความสดใสและแรงบันดาลใจ เติมพลังงานและความกระฉับกระเฉงให้กับผู้ใช้อาคาร สอดรับแนวคิดของสาทรสแควร์กับการเป็น The Neovibrant Business Complex
“เราเชื่อมั่นว่าการยกระดับคุณภาพสาทรสแควร์ครั้งนี้ สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า ดึงดูดบริษัทชั้นนำ และรักษามาตรฐานคุณภาพอาคารสำนักงานเกรด A ที่สามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมส่งมอบประสบการณ์ที่ดีในการใช้อาคารและคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับลูกค้าและผู้ใช้อาคารทุกกลุ่ม”
หมุดย้ำอยู่ที่ FPT มุ่งสู่เป้าหมายขับเคลื่อนธุรกิจสู่ REaaS-Real Estate as a Service Brand ครอบคลุมทั้ง Space, Community และ Sustainability สอดรับกับเจตนารมณ์ของกลุ่มเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ในการสร้างสรรค์พื้นที่ ให้ประสบการณ์ที่ดีคงอยู่ หรือ Inspiring Experiences, Creating Places for Good
อ่านข่าวต้นฉบับ: นิวลุก สาทรสแควร์ FPT ยกระดับออฟฟิศเกรด A ใจกลางเมือง
]]>อ่านข่าวต้นฉบับ: “Via 61” by แสนสิริ Hidden Gem โซนทองหล่อ-เอกมัย
]]>เปิดประเด็นตั้งแต่ต้นไตรมาส 3/67 แสนสิริเปิดภาพ “Via 61” (เวีย 61) โครงการลักเซอรี่คอนโดมิเนียม บนทำเลใจกลางย่านทองหล่อ-เอกมัย จุดเน้นอยู่ที่เป็นโครงการที่อยู่บนสุดยอดทำเล Rare Item
นำเสนอแบบกระชากใจ FC เพราะมีห้องชุด Penthouse เพียง 2 ยูนิตเท่านั้น พร้อมส่งมอบประสบการณ์พักอาศัยบนแลนด์มาร์กแห่งสีสัน ผสานชีวิตเมืองให้เข้ากับการพักผ่อนอย่างมีระดับ
ทั้งนี้ ในการเปิดภาพครั้งแรกแบรนด์เฉพาะกิจ “Via 61” แสนสิริ เปิดไตรมาส 3 อย่างยิ่งใหญ่ เดินหน้ารุกตลาดย้ำผู้นำอสังหาฯ ลักเซอรี่และซูเปอร์ลักเซอรี่ระดับแถวหน้าของประเทศ
ในการเผยโฉมภาพ “Via 61-เวีย 61” นั้น ทีมดีไซเนอร์นำเสนอลักเซอรี่คอนโดฯแบบ Low-Rise โครงการมาสเตอร์พีซล่าสุด กับสุดยอดทำเล Rare Item บนที่ดินหายากใจกลางย่านทองหล่อ-เอกมัย ที่ไม่ใช่ใครก็เป็นเจ้าของได้
เสน่ห์ทองหล่อ-เอกมัย มีบรรยากาศอยู่ท่ามกลางสังคมคุณภาพการอยู่อาศัยระดับนานาชาติ และลักเซอรี่ไลฟ์สไตล์ ชูไฮไลต์อยู่ที่ “Hidden Gem” สุดไพรเวต บนถนนสุขุมวิท 61 เพียง 61 ยูนิต และ Penthouse เพียง 2 ยูนิต
ผสานความเป็นชีวิตชีวาใจกลางเมืองให้เข้ากับการพักผ่อนอย่างละเมียดละไม ลูกค้าเศรษฐีกระเป๋าหนักเตรียมควักเงินให้ไว สนนระดับราคา 10.9-45 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวม 1,200 ล้านบาท
สำหรับรายละเอียด Via 61 ลักเซอรี่คอนโดมิเนียม เป็นอาคารชุด Low-Rise ใจกลางย่านสุขุมวิท สูง 8 ชั้น (เชื่อมไร้รอยต่อระหว่างเอกมัย-ทองหล่อ) ออกแบบในคอนเซ็ปต์ “Unveil Your Living Serenity” หนึ่งใน Aesthetic Collection จากแสนสิริ
ตั้งอยู่บนทำเลเอกมัย-สุขุมวิท 61 ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัย ขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 50-187 ตารางเมตร มีห้องชุดให้เลือกตั้งแต่แบบ 1 ห้องนอน ไปจนถึง Penthouse กับความเป็นส่วนตัวเพียง 61 ยูนิต เดินทางสะดวกเพียง 1 นาที จาก BTS เอกมัย และ 3 นาทีจากทองหล่อ
ตอบทุกโจทย์ความต้องการ อยู่ใกล้แหล่งศูนย์รวมไลฟ์สไตล์ชั้นนำ และ Night Life ครบครัน ทั้งคอมมิวนิตี้มอลล์ ร้านอาหารระดับ Michelin อาทิ ย่านเอกมัย Gateway Ekamai, Donki Mall และย่านสุขุมวิท Em District ห้างสรรพสินค้าระดับไอคอนิกแลนด์มาร์กของคนเมือง EmQuartier, EmSphere และ Emporium
ตลอดจนรายล้อมด้วยโรงเรียนนานาชาติชั้นนำมากมาย อาทิ St.Andrews International School Bangkok, Trinity International School และ Ekamai International School
แสนสิริ 40 ปี ในฐานะแบรนด์ Taste-Maker มุ่งมั่นสร้างประสบการณ์การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เข้าใจในทุกรายละเอียดของการอยู่อาศัยอย่างมีรสนิยม ตลอดจนการสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยที่เหนือระดับ
โดยแสนสิริดำรงจุดมุ่งหมายในการเปิดตัวแบรนด์ Via 61 ถือเป็นลักเซอรี่คอนโดมิเนียมโครงการแรกแห่งปีของแสนสิริที่น่าจับตามองในกลุ่มตลาดลักเซอรี่ที่เป็นตัวจุดประกายในไตรมาส 3 นี้
อ่านข่าวต้นฉบับ: “Via 61” by แสนสิริ Hidden Gem โซนทองหล่อ-เอกมัย
]]>อ่านข่าวต้นฉบับ: อนันดาโชว์ Q2/67 ส่งสัญญาณบวกกำไร 151 ล้าน โต 283 % ขาย 3,665 ล้าน โอน 2,308 ล้าน
]]>วันที่ 15 สิงหาคม 2567 นางสาวลิมลี่ ทิพพงษ์ประภาส ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN กล่าวว่า บริษัทยังคงครองตำแหน่งผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าที่สามารถเข้าถึงและเข้าใจลูกค้าคนเมืองได้เป็นอย่างดี
โดยได้มีการวางกลยุทธ์ต่าง ๆ ตามความเหมาะสม ส่งผลให้สามารถสร้างผลงานเป็นที่น่าพอใจ โดยผลดำเนินงานในไตรมาสสอง ปี 2567 เริ่มส่งสัญญาณดีขึ้น โดยสามารถสร้างกำไรสุทธิกว่า 151 ล้านบาท เติบโตขึ้น 283% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนี้ ได้มีการประกาศปิดการขาย 100% (Sold Out) โครงการคอนโดมิเนียม จำนวน 4 โครงการ มูลค่าโครงการ 13,904 ล้านบาท ได้แก่ โครงการไอดีโอ จรัญฯ 70 ริเวอร์วิว โครงการคิว ประสานมิตร โครงการเอลลิโอ เดล เนสท์ และโครงการไอดีโอ จุฬา สามย่าน
ด้วยจุดเด่นของโครงการและทำเลที่ตั้ง รวมถึงการออกแบบโครงการที่โดดเด่น ตอบสนองไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่สมดุลให้แก่คนเมือง และที่สำคัญที่สุด คือ ความเชื่อมั่นที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์ที่มีคุณภาพของอนันดาฯ จึงทำให้ทั้ง 4 โครงการประสบความสำเร็จได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ บริษัทยืนยันศักยภาพในการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่ง ยังคงวางเป้าหมายในการพัฒนาโครงการตอบรับความต้องการลูกค้าในทุกเซกเมนต์ โดยมีโครงการพร้อมอยู่บนทำเลที่ดีที่สุด รองรับการเติบโตของบริษัทอย่างต่อเนื่อง
โดยมีสินค้าพร้อมโอน ณ ไตรมาส 2/67 รวมมูลค่า 28,557 ล้านบาท และโครงการพร้อมส่งมอบในปี 2568 มูลค่าโครงการ 11,929 ล้านบาท รวมทั้งหมดมูลค่า 40,486 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทขอขอบคุณผู้ลงทุนทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจ พร้อมให้ความเชื่อมั่นแก่ผู้ลงทุนด้วยการวางแผนธุรกิจเพื่อสร้างยอดขาย และให้ความสำคัญกับการดำเนินงานและบริหารจัดการกระแสเงินสด นำไปสู่การสร้างรากฐานการเติบโตและยั่งยืนต่อไป”
อ่านข่าวต้นฉบับ: อนันดาโชว์ Q2/67 ส่งสัญญาณบวกกำไร 151 ล้าน โต 283 % ขาย 3,665 ล้าน โอน 2,308 ล้าน
]]>อ่านข่าวต้นฉบับ: แสนสิริโชว์ครึ่งปีแรก รายได้ร่วม 2 หมื่นล้าน กำไรโตพุ่ง 2,700 ล้าน ยืนหนึ่งหุ้นปันผลสูง
]]>วันที่ 15 สิงหาคม 2567 นายวิชาญ วิริยะภูษิต ประธานผู้บริหารสายงานการเงิน บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า ผลประกอบการรอบ 6 เดือนแรกของปี 2567 แสนสิริมีผลงานยอดขายที่โดดเด่นจากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของทางรัฐบาล ที่ทำให้ตลาดเริ่มกลับมามีสัญญาณบวก
โดยสามารถสร้างยอดขายรวม 25,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 48% ของเป้าทั้งปีที่ตั้งไว้จำนวน 52,000 ล้านบาท
ทางด้านรายได้ ครึ่งปีแรกทำได้ร่วม 20,000 ล้านบาท คิดเป็น 47% ของเป้าทั้งปีที่ตั้งไว้ 43,000 บาท เติบโต 8% เทียบกับครึ่งปีแรก 2566 มีกำไรสุทธิ 2,700 ล้านบาท เติบโตเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของ ปี 2567 (ไตรมาส 1/67 กำไรสุทธิ 1,315 ล้านบาท, ไตรมาส 2/67 กำไรสุทธิ 1,387 ล้านบาท)
อนึ่ง หากพิจารณาด้านกำไรสุทธิจากธุรกิจหลัก (Core Profit) พบว่าเติบโตขึ้น 5% (เทียบ Year on Year)
จากกลยุทธ์ในการรักษาระดับผลประกอบการให้เติบโตอย่างสม่ำเสมอ และการใช้เงินลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และมุ่งสร้างผลตอบแทนสูงสุดกับผู้ถือหุ้นจากผลกำไรที่เติบโตต่อเนื่อง ส่งผลให้แสนสิริ ติดอันดับ 1 ในหุ้นกลุ่ม SETHD ที่จ่ายปันผลสูง (ข้อมูล ณ วันที่ 26 กรกฎาคม 2567 อยู่ที่ 11.38%)
โดยล่าสุด คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล (Interim dividend) จากผลการดำเนินงานงวดวันที่ 1 มกราคม – 30 มิถุนายน 2567 ในอัตรา 0.07 บาทต่อหุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 28 สิงหาคม 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 11 กันยายน 2567
โดยการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงปัจจัยพื้นฐานและผลประกอบการที่ดีของแสนสิริในอนาคต
ทั้งนี้ ความสำเร็จในครึ่งปีแรก 2567 มาจากบริษัทสามารถ Sold Out รวม 19 โครงการ มูลค่ารวม 15,200 ล้านบาท อาทิ BuGaan (บูก้าน) พระราม 9-เหม่งจ๋าย, เศรษฐสิริ กรุงเทพ-ปทุมธานี, เอ็กซ์ที เอกมัย
รวมถึง Business Model ใหม่ กับ Exclusive Residence ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า Niche Market ด้วยโครงการขนาดเล็ก ยูนิตน้อย บน Prime Location ประสบความสำเร็จด้านยอดขาย Sold Out
อย่างรวดเร็ว เช่น ELSE (เอลซ์) กรุงเทพกรีฑา
และ PYNN (พินน์) เริ่มโครงการแรกที่ PYNN ปรีดี 20 มียอดขายแล้วถึง 80% จ่อคิว Sold out พร้อมส่งต่อความสำเร็จให้โครงการล่าสุด PYNN ศูนย์วิจัย ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีเช่นเดียวกับโครงการแรก
ตลอดจนการเปิดโครงการใหม่ใน Strategic Location ในจังหวัดเชียงใหม่ อาทิ อณาสิริ พายัพ เปิดตัวเป็นทางการเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สามารถสร้างยอดขาย 50% ของโครงการ และเศรษฐสิริ รวมโชค เปิดตัวครั้งแรกในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สามารถปิดการขายเฟสแรกหมด 100%
รวมถึง mekin HAUS (เมคิน เฮาส์) แบรนด์ HAUS โครงการแรกในเชียงใหม่และต่างจังหวัด พร้อมไฮไลต์คอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้แห่งแรกในเชียงใหม่ ได้รับการตอบรับที่ดีเช่นกัน
รวมถึงพอร์ตบ้านเดี่ยวที่เติบโตแข็งแกร่ง จากรายได้จากโครงการบ้านเดี่ยวระดับลักเซอรีและซูเปอร์ลักเซอรี ทั้งการโอนต่อเนื่องของโครงการนาราสิริ กรุงเทพกรีฑา และนาราสิริ พหล – วัชรพล ที่มียอดขายที่ดี
การต่อยอดความสำเร็จของแบรนด์บ้านเดี่ยว “เศรษฐสิริ” ทำให้ต้องเปิดจองเฟสใหม่ 4 ทำเลฮอต ได้แก่ ราชพฤกษ์ – รามอินทรา – บางนา – ดอนเมือง
ทางด้านคอนโดมิเนียมมีรายได้จากการโอนคอนโดมิเนียม อาทิ เอ็กซ์ที พญาไท และ เดอะ เบส ไฮท์ เชียงใหม่ ที่กลุ่มลูกค้าเชียงใหม่ให้ความเชื่อมั่นและไว้วางใจในแบรนด์แสนสิริตลอดมา รวมทั้งการจัดแคมเปญและกิจกรรมทางการตลาดที่เข้มข้น จากกลยุทธ์การรักษายอดขายที่ดี
ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการ Joint Venture ยังเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากการโอนคอนโดมิเนียมเดอะ ไลน์ ไวบ์ มูลค่าโครงการ 4,400 ล้านบาท ภายใต้การร่วมทุนระหว่าง แสนสิริ และ แรบบิท โฮลดิ้งส์ ในกลุ่มบีทีเอส คอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ที่มียอดขายแล้วกว่า 70% สุดยอดทำเลศักยภาพตรงข้ามเซ็นทรัลลาดพร้าว
สะท้อนถึงความสามารถในการทำกำไร และรักษาระดับการเติบโตที่แข็งแกร่งท่ามกลางความท้าทายของอุตสาหกรรมในรอบครึ่งปีที่ผ่านมา
สำหรับแผนลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง แสนสิริ มีแผนเปิดตัว 26 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 38,700 ล้านบาท ไฮไลต์แนวราบ เปิดตัว 2 แบรนด์ใหม่ คือ “ณริณสิริ” (Narinsiri) บ้านเดี่ยวแบรนด์ใหม่ระดับพรีเมียม (ณริณสิริ กรุงเทพกรีฑา และณริณสิริ พระราม 9-กรุงเทพกรีฑา) ราคาเริ่มต้นที่ 40-80 ล้านบาท พร้อมเปิดชมปลายปีนี้
ถัดมาคือ “เมเบิล” (Mabel) ทำเลแรกเมเบิล บางนา 26 ใกล้ทางด่วน นำเสนอบรรยากาศความเป็นส่วนตัวเพียง 105 ยูนิต ราคา 6–8 ล้านบาท
ทางด้านคอนโดมิเนียมเปิดตัว Affordable Condo อย่างต่อเนื่อง ภายใต้แบรนด์ดีคอนโด เจาะทำเลคอมมูนิตี้ใหญ่ ใกล้มหาวิทยาลัย ใกล้แหล่งงาน มีดีมานด์ความต้องการคอนโดมิเนียมสูง
และไฮไลต์สำคัญคือการเปิดตัวโครงการบนสุดยอดทำเลศักยภาพในย่าน CBD บนทำเลสุขุมวิท ได้แก่ เวีย 61 ซึ่งเป็นแบรนด์ภายใต้ Aesthetic Collection อีกหนึ่งโครงการใหม่จากซีรีส์ One of a Kind Project โดดเด่นบนทำเลศักยภาพบนสุขุมวิท 36
นอกจากนี้ ไฮไลต์ในช่วงสิ้นปี แสนสิริเตรียมเปิดโปรเจกต์ใหญ่ ปักธงภูเก็ต ต้อนรับ High Season ในช่วงไฮซีซันตอนสิ้นปี ในย่านบางเทา-เชิงทะเล ซึ่งเปรียบเสมือนย่านทองหล่อในภูเก็ตอีกด้วย
“จากภาพรวมทั้งหมด รวมถึงการเปิดตัวโครงการใหม่ที่มากกว่าครึ่งปีแรก แสนสิริจะมียูนิตพร้อมขายทั่วประเทศรวมมูลค่า 127,000 ล้านบาท ส่งผลให้การดำเนินงานทั้งในด้านยอดขายและรายได้เติบโตต่อเนื่อง และเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้””
นายวิชาญกล่าวตอนท้ายว่า แสนสิริขอบคุณลูกค้าทุกท่านและประชาชน เชื่อมั่นแสนสิริ แบรนด์อันดับ 1 กลุ่มอสังหาฯ ซึ่งผลสำเร็จในครึ่งปีแรก ส่วนสำคัญมาจาก Branding ที่แข็งแกร่ง ที่ผู้บริโภคให้ความมั่นใจสูงสุดในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัย
กับรางวัลใหญ่แห่งปี Marketeer No.1 Brand Thailand 2024 ครองใจผู้บริโภคทั่วประเทศในทุก เซ็กเมนต์(บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม) ยิ่งไปกว่านั้นยังรักษามาตรฐานการครีเอทผลงานบนโซเชียลมีเดียที่โดดเด่น รักษาตำแหน่ง No. 1 Thailand Socia Awards คะแนนสูงสุดในกลุ่มอสังหาฯ ในรอบ 6 เดือนแรกของปีไว้ได้อีกด้วย
อ่านข่าวต้นฉบับ: แสนสิริโชว์ครึ่งปีแรก รายได้ร่วม 2 หมื่นล้าน กำไรโตพุ่ง 2,700 ล้าน ยืนหนึ่งหุ้นปันผลสูง
]]>อ่านข่าวต้นฉบับ: AP อู้ฟู่หนักมาก ครึ่งปีแรก 2567 คว้ารายได้ 2.1 หมื่นล้าน กำไรท่วม 2,277 ล้าน
]]>วันที่ 14 สิงหาคม 2567 นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทย ภายใต้คำมั่นสัญญา “ชีวิตดี ๆ ที่เลือกเองได้”
เปิดเผยว่า ผลประกอบการ 6 เดือนแรกปี 2567 (ม.ค.-มิ.ย.) มีรายได้รวมจากสินค้าบ้านและคอนโดมิเนียม (100% JV) และธุรกิจอื่น ๆ 21,130 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 2,277 ล้านบาท
โดยเฉพาะไตรมาส 2/67 บริษัทสามารถสร้างรายได้รวมจากสินค้ากลุ่มแนวราบ กลุ่มคอนโดมิเนียม (100% JV) และธุรกิจอื่น ๆ ได้สูงถึง 11,561 ล้านบาท เติบโตขึ้น 20.8% จากไตรมาสก่อนหน้า ด้านกำไรสุทธิ 1,268 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 25.8% จากไตรมาสก่อนหน้า
ทั้งนี้ เป็นผลสำเร็จจากรายได้จากการขายและโอนกรรมสิทธิ์ โดยเฉพาะพอร์ตคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ ที่เติบโตมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากจุดเด่นด้านคุณภาพ ดีไซน์โดดเด่นเหนือตลาด แพ็กเกจราคาที่จับต้องได้จริง ทำให้คอนโดฯพร้อมอยู่เครือเอพี สามารถครองใจลูกค้า และได้รับการตอบรับโอนกรรมสิทธิ์ตามแผนที่วางไว้ในทุกเซ็กเมนต์
โดยโครงการที่ได้รับการตอบรับอย่างโดดเด่น ได้แก่ THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี, ASPIRE รัชโยธิน และ ASPIRE เอราวัณ ไพร์ม เป็นต้น
ในขณะที่พอร์ตสินค้าแนวราบ คีย์ไดรฟ์สำคัญสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัท ผ่านพอร์ตสินค้าบ้านแฝด ทาวน์โฮม และบ้านเดี่ยว ที่เอพีครองความเป็นผู้นำตลาดจากการครองส่วนแบ่งตลาดมากสุดเป็นอันดับ 1 ที่ยาวนานต่อเนื่อง
โดยเฉพาะการบุกขยายพอร์ตสินค้าในกลุ่มบ้านแฝดให้มากยิ่งขึ้น ด้วยแบรนด์บ้านกลางเมือง THE EDITION บ้านแฝด 3 ชั้น และ GRANDE PLENO บ้านแฝด 2 ชั้น รวมไปถึงการค้นหาที่ดิน Rare Location สุดไพรมในเมืองเพื่อลุยเปิดตัว บ้านกลางเมือง คลาสเซ่ ลักเซอรี่แบรนด์ของกลุ่มธุรกิจทาวน์โฮมและบ้านแฝดของเอพี ที่ได้รับการตอบรับที่เหนือความคาดหมายจากทุกทำเล
โครงการทาวน์โฮมและบ้านแฝดเอพีที่เปิดตัวใหม่ ทำยอดขายดีในทุกเซ็กเมนต์ และ 3 โครงการที่ประสบความสำเร็จโกยยอดขายช่วงพรีเซลได้สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ บ้านกลางเมือง THE EDITION บางนา, PLENO สุขสวัสดิ์-ประชาอุทิศ 60 และ PLENO ดอนเมือง
ในเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป บริษัทเตรียมเปิดตัว 25 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 27,440 ล้านบาท โดยเป็นบ้านแฝดและทาวน์โฮม 10 โครงการ มูลค่า 8,190 ล้านบาท, บ้านเดี่ยว 8 โครงการ มูลค่า 11,350 ล้านบาท, คอนโดมิเนียม 3 โครงการ มูลค่า 4,700 ล้านบาท และโครงการต่างจังหวัด 4 โครงการ มูลค่า 3,200 ล้านบาท
ส่งผลให้ในครึ่งปีหลังของปีนี้บริษัท จะมีโครงการพร้อมขายทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดมากกว่า 202 โครงการ มูลค่ากว่า 151,411 ล้านบาท
นายวิทการกล่าวว่า เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคอสังหาริมทรัพย์ บริษัทจัดแคมเปญโปรโมชั่นเสนอทางเลือกให้กับผู้ที่กำลังมองหาคอนโดฯ ในเครือ AP ตั้งแต่วันนี้-15 ก.ย.นี้ พบกับคอนโดฯแบรนด์ LIFE และ ASPIRE ใน 12 ทำเลที่ดีที่สุด จัดแคมเปญพิเศษ ‘วิวสุดจะ CRAZY’ วิวไหนก็ราคาเดียว 1.79-5.49 ล้านบาท พร้อมส่วนลดสูงสุด 1.5 ล้านบาท ผ่อนต่ำล้านละ 2,500 บาท/เดือน ฟรี!! เครื่องใช้ไฟฟ้า และฟรี!! เฟอร์นิเจอร์ยกห้อง
อ่านข่าวต้นฉบับ: AP อู้ฟู่หนักมาก ครึ่งปีแรก 2567 คว้ารายได้ 2.1 หมื่นล้าน กำไรท่วม 2,277 ล้าน
]]>อ่านข่าวต้นฉบับ: กูรูอสังหาฯ ห่วงวิกฤตลามจากฐานรากสู่บน แนะ ธปท.ลดดอกเบี้ยแก้หนี้ดีมานด์ซบ
]]>