Living Estate

Living Estate รับทำ Feasibility โครงการอสังหาฯ ศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ บ้านจัดสรร คอนโด โรงแรม รีสอร์ท ที่ดินเปล่า

Living Estate

วิเคราะห์อสังหาริมทรัพย์และการตลาดเพื่อพัฒนาโครงการอสังหาฯ วิเคราะห์การตลาด การเงิน พิจารณาทำเลที่ตั้ง กลุ่มเป้าหมาย คู่แข่ง ต้นทุนและผลตอบแทน

Living Estate

Real Estate Feasibility Study โดยคำนึงถึง การวิเคราะห์ทำเลที่ตั้ง วิเคราะห์ตลาด กำหนดกลุ่มเป้าหมาย คู่แข่ง ต้นทุน และความเสี่ยง เพื่อพัฒนาโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ บ้านรับลม แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ บ้านรับลม แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เลือกทิศทางบ้านอย่างไรให้รับลม

                         
                       หากเราต้องการที่จะจัดฮวงจุ้ยของที่พักอาศัยให้ได้ผลนั้น สิ่งสำคัญในลำดับแรกคือการทำอย่างไรให้บ้านของเราสามารถรับกระแสพลังงานจากลมธรรมชาติได้ดีที่สุด เพราะ “ฮวง” นั้นหมายถึงลม และ “จุ้ย” นั้นหมายถึงน้ำ ซึ่งนักปราชญ์จีนได้กล่าวไว้ว่า “พลังงานนั้นมากับลมและสะสมตัวที่น้ำ” ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างบ้านเพื่อให้สามารถรับกับกระแสลมจากธรรมชาติได้ เรียกว่าหาก ‘กระแสลม” ไม่เข้าบ้านแล้วก็ถือว่าโอกาสที่ฮวงจุ้ยจะไม่ดีนั้นสูงมาก โดยหากบ้านของเราไม่สามารถรับกระแสลมจากธรรมชาติได้ เราจึงค่อยสร้างกระแสเทียมหรือกระแสประดิษฐ์ เช่น น้ำพุ , น้ำตก , โอ่งน้ำล้น , ตู้ปลา หรือพัดลม จะเห็นว่าหากเราสามารถจัดชัยภูมิหรือเลือกทิศทางของบ้านได้ดีให้สามารถรับกระแสลมจากธรรมชาติได้ จะทำให้มีโอกาสได้ที่พักอาศัยที่มีฮวงจุ้ยที่ดีได้โดยไม่จำเป็นต้องสร้างกระแสเทียมแม้แต่น้อย



                         หลักการง่ายๆ ของการเกิดลมนั้นได้แก่ความแตกต่างของอุณหภูมิอากาศ โดยอากาศที่มีอุณหภูมิสูงจะมีความหนาแน่นน้อยกว่าอากาศที่มีอุณหภูมิต่ำ อากาศที่ร้อนกว่าจะลอยตัวขึ้นสูง และอากาศที่เย็นกว่าจะเคลื่อนที่มาแทนในแนวระนาบ ดังนั้นทุกครั้งที่เราโดยลทพัดผ่านเราจึงรู้สึกเย็นสบาย และการที่แกนโลกเอียง 23 องศาทำมุมกับดวงอาทิตย์ เมื่อโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์จึงทำให้เกิดฤดูกาลต่างๆ กับไปในรอบหนึ่งปี โดยการเกิดฤดูกาลนี้เองทำให้เกิดกระแสลมหลักๆ 2 ทิศทางในประเทศไทย ดังนี้

                       1.ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นลมที่พัดผ่านประเทศไทยในฤดูหนาวประมาณเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ ของทุกปี โดยเป็นช่วงที่โลกโคจรเอาแกนที่เอียงออกจากดวงอาทิตย์ ทำให้ส่วนพื้นผิวของโลกที่เป็นมหาสมุทรได้รับแสงอาทิตย์มากกว่าส่วนที่เป็นทวีป เมื่ออากาศบริเวณมหาสมุทรได้รับแสงอาทิตย์มากกว่าส่วนที่เป็นพื้นทวีป เมื่ออากาศบริเวณมหาสมุทรที่ส่วนใหญ่อยู่ในทิศตะวันตกเฉียงใต้ร้อนและลอยตัวสูงขึ้น จึงทำให้อากาศที่เย็นจากพื้นทวีปโดยเฉพาะจากประเทศจีน หรือทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือพัดผ่านเข้ามา เราจึงเรียกกระแสลมดังกล่าวว่าลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือโดยกระแสลมจะพัดผ่านค่อนมาทางทิศเหนือเป็นหลัก



                       2.ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ เป็นลมที่พัดผ่านประเทศไทยในฤดูร้อนและฤดูฝนประมาณ เดือนมีนาคม-ตุลาคม ของทุกปี โดยเป็นช่วงที่โลกโคจรเอาแกนที่เอียงเข้าหาดวงอาทิตย์ ทำให้ส่วนของโลกที่เป็นพื้นทวีปได้รับแสงอาทิตย์มากกว่าส่วนที่เป็นมหาสมุทร เมื่ออากาศบริเวณพื้นทวีปที่ส่วนใหญ่อยู่ในทิศตะวันออกเฉียงเหนือร้อนและลอยตัวสูงขึ้น จึงทำให้อากาศที่เย็นกว่าจากมหาสมุทรโดยเฉพาะจากมหาสมุทรอินเดียพัดเข้ามาแทนที่เราจึงเรียกกระแสลมดังกล่าวว่าลมมรสุมตะวันตกเฉีนงใต้ โดยกระแสลมจะพัดผ่านมาค่อนมาทางทิศใต้เป็นหลัก

                      ดังนั้นหากเราต้องการจะให้บ้านนั้นเย็นสบายมีกระแสลมไหลเวียนเข้าบ้านอยู่ตลอดเวลา ซินแสหรืออาจารย์ฮวงจุ้ยก็จะเน้นให้สร้างบ้านหรืออาคารในแนวหันทิศเหนือหรือหันทิศใต้เป็นหลัก เพราะจะทำให้บ้านสามารถรับกับกระแสลมที่พัดผ่านเข้ามาได้เต็มที่ โดยถ้าบ้านหันหน้าไปทางทิศใต้ก็จะได้รับลมเป็นเวลามากกว่า เพราะลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้นั้นพัดผ่านกินเวลา 8 ใน 12 เดือน แต่หากสร้างบ้านหันหน้าไปทางทิศเหนือก็จะได้รับลมเป็นเวลาน้อยกว่าบ้านที่หันทางทิศใต้ เพราะลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือนั้นพัดผ่านกินเวลา 4 ใน 12 เดือน



                     การที่บ้านหันไปทางทิศเหนือนั้นเองก็จะมีข้อดีชดเชยคือแดดจะไม่ค่อยเข้าที่หน้าบ้าน เพราะในประเทศที่อยู่เหนือเส้นศูนย์สูตร ซึ่งประเทศไทยเราเองก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยส่วนใหญ่เกือบทั้งปีแสงแดดจะอ้อมทิศใต้ ดังนั้นหากท่านต้องการเน้นลมผ่านเยอะๆ เกือนตลอดปี และส่วนตัวชอบแสงแดดก็สามารถเลือกบ้านที่หันไปทางทิศใต้ได้ แต่หากท่านยอมรับลมน้อยลงไปหน่อยแต่เน้นว่าแสงแดดไม่ค่อยเข้าที่หน้าบ้านก็สามารถเลือกบ้านที่หันหน้าไปทางทิศเหนือใต้

                    แต่สิ่งที่จะลืมไม่ได้คือเรื่องของการออกแบบบ้านเพราะการที่กระแสลมจะเข้าบ้านได้นั้นจะต้องมี “ช่อง” ให้ลมเข้า และยังไม่พอต้องมี “ช่อง” ให้ลมออกด้วย ซึ่งช่องเหล่านั้นก็คือหน้าต่างและประตู ดังนั้นบ้านที่จะมีกระแสลมผ่านเข้าได้อย่างทั่วถึงก็ควรจะมีช่องประตู และหน้าต่างในปริมาณที่เหมาะสมด้วย จึงทำให้กระแสลม กระแสอากาศไหลเวียนถ่ายเทได้ดี คำถามคืออย่างไรจึงเรียกได้ว่าบ้านหลังนี้ลมเข้าคำตอบคือซินแสจะลองยืนที่ปากประตูทางเข้าตัวบ้านของท่าน หากรู้สึกว่าลมพัดผ่าน ยืนแล้วเย็นสบาย ไม่อึดอัดนั่นก็ถือว่าใช้ได้ หรืออีกวิธีหนึ่งเราก็สามารถสังเกตได้ง่ายๆ ว่าบ้านที่มีประตูหน้าต่างเพียงพอ ในตอนกลางวันนั้นแสงธรรมชาติจะเข้าบ้านได้มากจนสว่างเพียงพอที่จะใช้ชีวิตได้โดยไม่ต้องเปิดไฟเพิ่มเติม



                    โดยควรระวังในการออกแบบประตูหน้าต่างของบ้านที่บางครั้งออกแบบให้มีมากเกินไป หากประตูหน้าบ้านตรงกับประตูหลังบ้านพอดี แม้ว่ากระแสลมจะเข้าไปมากอย่างรวดเร็ว แต่กลับจะออกไปรวดเร็วด้วย ในบางครั้งซินแสฮวงจุ้ยเรียกเป็น “บ้านที่เก็บโชคไม่อยู่” ดังนั้นต้องระวังการที่ออกแบบประตูหน้าบ้านให้ตรงกับประตูหลังบ้าน แต่หากบ้านของท่านมีลักษณะนั้นไปแล้ว ก็หาอุปกรณ์หรือเฟอร์นิเจอร์หนักๆ ใหญ่ๆ มาวางกดพื้นที่ก่อนถึงประตูหลังบ้านไว้ก็ช่วยในการปรับแก้ฮวงจุ้ยได้ หรือหากเป็นห้องนอน การออกแบบหน้าต่างให้ตรงกับศีรษะพอดีก็ถือว่าไม่เหมาะสม เพราะหากลมหรือแสงเข้าที่ศีรษะในเวลานอนก็อ่านว่าจะเป็นการรบกวนการนอน การแก้ไขก็ให้ท่านใช้ม่านทึบแสงในการปิดหน้าต่างที่ศีรษะในเวลานอนได้



                     อย่างไรก็ตามความรู้ดังกล่าวยังถือว่าเป็นเพียงความรู้เบื้องต้นเท่านั้น เพราะในทิศหลัก 4 ทิศ คือ ใต้ , ออก , เหนือ และตกนั้น ในศาสตร์ฮวงจุ้ยชั้นสูงได้แบ่งออกเป็น 24 ทิศทางย่อย และในทุก 4 ทิศทางหลักจะมีทั้งทิศดีและทิศไม่ดีปะปนกันไป จึงไม่ได้แปลว่าบ้านหันหน้าทิศใต้หรือหันทิศเหนือแล้วจะดีเสมอไป เราจึงจำเป็นต้องได้รับคำปรึกษาจากซินแสที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการพิจารณาฮวงจุ้ยแบบละเอียดครับ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ธ.กสิกรไทย

วันเสาร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2558

10 ไอเดียช่วยให้บ้านเย็น

              คนในโลกมากขึ้น การบริโภคก็มากขึ้น มลพิษเพิ่มขึ้น โลกก็ร้อนขึ้น ปัญหาโลกร้อนไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่คนเพิ่งเริ่มรู้สึกว่ามันใกล้ตัวมากขึ้นเท่านั้นเองจริง ๆ แล้วโลกจะเย็นลงได้ด้วยการเริ่มจาก ทำบ้านให้เย็นลงก่อน แต่ไม่ใช่เย็นเพราะใช้เครื่องปรับอากาศนะ ต้องเย็นเพราะ เราไม่ทำให้มันร้อน ด้วยความเข้าใจในสภาวะอากาศ ถ้าเข้าใจธรรมชาติของลม ของแสงแดด แค่นี้บ้านก็เย็นได้ ไม่เชื่อลองดู



1. ขนาดของช่องเปิด หลักการรับลมเข้าบ้านก็คือต้องมีช่องเปิดให้ลมเข้าและลมออก ขนาดของช่องเปิดจึงมีส่วนสำคัญในการรับลม หากช่องที่ลมเข้ามีขนาดเล็กขณะที่ช่องที่ลมออกมีขนาดใหญ่ก็จะรับลมได้มาก ในทางกลับกัน หากช่องที่ลมเข้ามีขนาดใหญ่แต่ช่องที่ลมออกมีขนาดเล็ก ลมที่พัดพาเข้าสู่บ้านก็จะน้อยตามไปด้วย



2.  อากาศใต้หลังคา หลังคาเป็นพื้นที่ที่รับแสงแดดมากที่สุดของบ้าน แน่นอนว่าต้องรับปริมาณความร้อนมากที่สุดด้วย แล้วความร้อนที่สะสมบนหลังคาก็จะแผ่ลงมาสู่ฝ้าเพดานและห้องทุกห้องที่อยู่ภายในบ้าน วิธีบรรเทาก็คือ ทำช่องว่างระหว่างใต้หลังคากับฝ้าเพดาน เพื่อให้ลมช่วยพัดพาความร้อนออกไปก่อนที่จะแผ่ลงมาสู่ฝ้าเพดาน อย่าลืมทำช่องระบายอากาศใต้หลังคาหรือทำหลังคาสองชั้นก็ได้



3. พื้นที่แสนสบายอยู่ใต้ถุน หากเปรียบหลังคาเป็นส่วนกันความร้อนจากแสงแดดให้พวกเราที่อยู่ในตัวบ้าน หลักการนี้ก็ใช้ได้กับพื้นที่ใต้ถุน โดยพื้นที่บนเรือนชั้นสองจะทำหน้าที่เป็นหลังคากันความร้อนจากแสงแดด หนำซ้ำใต้ถุนบ้านยังไม่มีผนังกั้น จึงเปิดรับลมได้ทุกทิศทางเวลาอยู่ใต้ถุนจะรู้สึกเย็นสบาย คนจึงนิยมใช้ใต้ถุนเรือนไทยเป็นที่ทำกิจกรรมอเนกประสงค์ในตอนกลางวัน  

4. ความชื้นมากับสายลม บ้านที่อยู่ติดบ่อน้ำหรือบึงน้ำมีข้อดีคือ เมื่อน้ำระเหยเป็นไอ ลมก็จะพัดพาไอเย็นนี้เข้าสู่ตัวบ้าน ทำให้บรรยากาศเย็นสบาย และถ้าภายในบริเวณบ้านปลูกต้นไม้ซึ่งจะคายก๊าซออกซิเจนในตอนกลางวัน ก็จะยิ่งได้ความรู้สึกสดชื่นเพิ่มมากขึ้น  



5. วางตัวบ้านให้อยู่ในตำแหน่งหลืบเงา บ้านที่อาศัยร่มเงาของอาคารหรือต้นไม้ใหญ่จะยิ่งเย็นสบายน่าอยู่มากขึ้น ควรวางตำแหน่งของบ้านให้อยู่ในส่วนหลืบเงาจากแดดยามบ่ายทางทิศตะวันตกและทิศใต้ที่ร้อนมาก ๆ



6. ไม้ใหญ่กับแสงและลม การวางตำแหน่งต้นไม้ให้บังแดดบ่ายจากทิศตะวันตกเฉียงใต้จะช่วยให้บ้านได้ร่มเงา นอกจากนี้อาจตัดแต่งกิ่งก้านให้มีช่องเปิดรับลม แต่ยังคงมีทรงพุ่มที่บังแดดด้วย ก็จะได้ประโยชน์ถึงสองชั้น



7. ใช้ลมหมุน ทิศทางการพัดของลมมีส่วนช่วยนำพาความเย็นสบายเข้าสู่ตัวบ้าน นอกจากลมจะพัดมา ตรง ๆ แล้ว เราสามารถออกแบบให้ส่วนใดส่วนหนึ่งของบ้านคอยดักทางลม เพื่อบังคับให้ลมหมุนเข้ามายังด้านที่ต้องการได้



8. ระเบียงรอบบ้านหรือผนังสองชั้น การทำระเบียงทางสัญจรรอบบ้านก็เป็นเสมือนกำแพงอากาศอีกชั้นหนึ่งให้ตัวอาคาร แทนที่อากาศร้อนจากภายนอกจะเข้ามาปะทะกับผนังบ้านโดยตรง ก็จะมีระเบียงนี้คอยกันความร้อนไว้อีกชั้นหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีส่วนชายคาระเบียงที่ช่วยบังแสงแดดไม่ให้ตกกระทบกับผนังโดยตรงด้วย ทำให้พื้นที่ภายในบ้านเย็นสบาย  


9. เปิดมุมรับลม การออกแบบมวลของอาคารให้มีส่วนเปิดไปสู่ภายนอกให้มากที่สุด เช่น ออกแบบผังอาคารเป็นรูปตัวยู (U) หรือตัวแอล (L) ก็จะช่วยรับและระบายลมได้ดี หากออกแบบอาคารเป็น “ก้อนสี่เหลี่ยมทึบ” บริเวณตรงกลางก็จะร้อนอบอ้าว ไม่รับลม



10. การออกแบบไอเดียสนุก ๆ เช่น การปลูกหญ้าบนหลังคาบ้านเพื่อช่วยลดความร้อนจากแสงแดด หรือออกแบบฝังตัวบ้านลงไปในดินโดยอาศัยไอเย็นจากดินช่วยคลายความร้อน หรือออกแบบบ้านให้อยู่กลางน้ำเพื่อรับไอเย็นก็เป็นไอเดียสนุก ๆ ที่สามารถประยุกต์ให้เป็นจริงได้เช่นกัน.